วันจันทร์ที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

เปิดชื่อ 11 จังหวัด หนาวยะเยือกที่สุดในประเทศ


 
กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ชี้หน้าหนาวปีนี้ จะหนาวกว่าทุกปี พร้อมประสานผู้ว่าฯ เตรียมความพร้อมรับมือ พร้อมเปิดสายด่วนนิรภัย 1784 ให้ความช่วยเหลือ24 ชั่วโมง

นายวิบูลย์ สงวนพงศ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หรือ ปภ. กล่าวว่า จากที่ได้ติดตามสภาพภูมิอากาศ กรมอุตุนิยมวิทยาพบว่าฤดูหนาวปีนี้จะมีสภาพอากาศหนาวที่สุดในรอบ 30 ปี โดยอุณหภูมิมีค่าเฉลี่ยต่ำกว่าเกณฑ์ปกติ โดยเฉพาะในพื้นที่ 11 จังหวัด ในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีสภาพอากาศหนาวจัด ได้แก่ จ. แม่ฮ่องสอน ,ตาก เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา น่าน เลย อุดรธานี หนองคาย สกลนคร และ จ.นครพนม

เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ในการรับมือและบรรเทาความเดือดร้อน ของผู้ประสบภัยหนาวในฤดูหนาวนี้ ปภ. จึงได้จัดตั้งศูนย์รับบริจาคเครื่องกันหนาว ณ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และประสานให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เตรียมความพร้อมรับมือสภาพอากาศหนาว พร้อมติดตามรายงานการพยากรณ์อากาศ สำรวจและการจัดทำบัญชีจำนวนผู้ประสบภัยหนาว และกำหนดแนวทางการช่วยเหลือผู้ประสบภัยหนาวให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว และครอบคลุมทุกพื้นที่ พร้อมเปิดสายด่วนนิรภัย 1784 ให้ความช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง

ด้าน กรมอุตุนิยมวิทยาคาดปีนี้หนาวทุบสถิติปีที่แล้วจากอิทธิพลปรากฎการณ์ ลานีญา "เชียงราย-เลย" อุณหภูมิต่ำสุด 6-8องศา ขณะที่ "กรุงเทพฯ" ต่ำสุดที่ 16 องศา

กรมอุตุนิยมวิทยาได้ออกประกาศการคาดหมายลักษณะอากาศช่วงฤดูหนาวของประเทศไทย ตั้งแต่กลางเดือน ต.ค. 2553 ถึงกลางเดือน ก.พ. 2554 โดยคาดว่าฤดูหนาวในปีนี้จะมีอากาศเย็นกว่าปีที่แล้ว และอุณหภูมิจะต่ำกว่าค่าปกติหรือค่าเฉลี่ยในรอบ 30 ปีเล็กน้อย

ทั้งนี้ในช่วงต้นฤดูระหว่างเดือนต.ค.-พ.ย. ประเทศไทยตอนบนจะยังคงมีฝนตกชุกในบางพื้นที่ ส่วนภาคใต้จะมีอากาศเย็นในบางวัน ส่วนมากตอนบนของภาค และมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ในช่วงกลางเดือนต.ค.-ธ.ค.โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันออกตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงไป

สำหรับการคาดหมายอุณหภูมิต่ำสุดเฉลี่ยในเดือนธ.ค. 2553 มีดังนี้

พื้นที่ภาคเหนือ อาทิ จ.เชียงราย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 11.1 องศา จ.เชียงใหม่ จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.2 องศา และ จ.พิษณุโลก จะมีอุณหภูมิ 11-13 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา ซึ่งการคาดหมายไม่รวมอุณหภูมิต่ำสุดบริเวณยอดดอยและยอดภู

ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เช่น จ.อุดรธานี จะมีอุณหภูมิ 7-9 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 14.3 องศา จ.เลย จะมีอุณหภูมิ 6-8 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 13.6 องศา จ.อุบลราชธานี จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.3 องศา และ จ.นครราชสีมา จะมีอุณหภูมิ 12-14 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 17.3 องศา

ภาคกลาง เช่น จ.นครสวรรค์ จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 16.8 องศา จ.สุพรรณบุรี จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.0 องศา และ จ.กาญจนบุรี จะมีอุณหภูมิ 13-15 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 15.6 องศา

ภาคตะวันออก เช่น จ.สระแก้ว จะมีอุณหภูมิ 14-16 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 18.9 องศา และ จ.ชลบุรี จะมีอุณหภูมิ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 21.3 องศา

ภาคใต้ เช่น จ.ประจวบคีรีขันธ์ จะมีอุณหภูมิ 17-19 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.5 องศา และ จ.ภูเก็ต จะมีอุณหภูมิ 20-22 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 23.0 องศา

ส่วน กรุงเทพมหานคร จะมีอุณหภูมิต่ำสุดที่ 16-18 องศา ต่ำกว่าเมื่อปี 2552 ที่วัดได้ต่ำสุด 20.0 องศา


ขอบคุณเนื้อหาจาก http://news.sanook.com/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น